รถอเนกประสงค์บนพื้นฐานกระบะหรือพีพีวีมีตัวเลือกมากมายหลายรุ่น เราขอนำสองแบรนด์ต่างสัญชาติ Ford Everest และ Nissan Terra มาเทียบสเปกให้ชมกันชัดๆ
ตลาดรถพีพีวีมีความเคลื่อนไหวคล้ายคลึงกับตลาดรถกระบะ คือไม่เคยเงียบเหงาและคึกคักตลอดเวลาด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่หรือการปรับโฉมให้เห็นกันอย่างต่อเนื่อง โดยมีหลายแบรนด์ส่งผลิตภัณฑ์ออกจัดจำหน่ายแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกันอย่างดุเดือด



Ford Everest
หนึ่งในรถพีพีวีไม่กี่รุ่นที่นำเสนอเครื่องยนต์ให้เลือกสรร 2 บล็อก โดย Everest รุ่นเริ่มต้นมาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด มอบพละกำลังสูงสุด 180 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที
ขณะที่รุ่นท็อปใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ รีดพละกำลัง 213 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ



มิติตัวถังของ Everest มีขนาดยาว 4,893 มม. กว้าง 1,862 มม. และสูง 1,836 มม. ระยะฐานล้อ 2,850 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 225 มม.
สำหรับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายต่างๆ Everest ถือเป็นรถพีพีวีที่มีความเพียบพร้อมที่สุดในเซกเมนท์โดยเฉพาะรุ่นท็อป (แต่ราคาจำหน่ายก็สูงขึ้นตาม) มีทั้งประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ราวหลังคาและบันไดข้าง หลังคาพาโนรามิกมูนรูฟ ไฟหน้า HID ไฟท้าย LED และไฟเดย์ไลท์ LED



ภายในห้องโดยสารมีช่องต่อไฟ 12V ปลั๊กไฟบ้าน AC230V ระบบกุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลังแบบปรับอุณหภูมิแยกได้ เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน เบาะนั่งปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า เบาะแถวที่ 3 พับไฟฟ้า
ระบบเครื่องเสียงแอปเปิลคาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 3 พร้อมการเชื่อมต่อบลูทูธและ Wi-Fi ระบบแผนที่นำทางเนวิเกชั่น ลำโพง 9 ตัว หน้าจอมัลติทัชบขนาด 8 นิ้ว
เทคโนโลยีความปลอดภัยและช่วยการขับขี่ ทั้งระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ ระบบแจ้งเตือนผู้ขับขี่ รวมถึงถุงลมนิรภัย 7 จุด ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบตรวจจับลมยาง ระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด และระบบตรวจจับรถในจุดบอด



ราคาจำหน่ายของ Ford Everest มีดังนี้
รุ่น 2.0L Turbo Trend 4×2 10AT ราคา: 1.299 ล้านบาท
รุ่น 2.0L Turbo Titanium 4×2 10AT ราคา: 1.439 ล้านบาท
รุ่น 2.0L Turbo Titanium+ 4×2 10AT ราคา: 1.599 ล้านบาท
รุ่น 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4×4 10AT ราคา: 1.799 ล้านบาท



Nissan Terra
เปิดตัวทำตลาดยังไม่ถึงปี Nissan Terra และประเทศไทยเป็นตลาดแรกที่ได้ใช้ขุมพลังขับเคลื่อนดีเซลเทอร์โบ ไดเรคอินเจคชั่นรุ่นใหม่ มีความจุกระบอกสูบ 2.3 ลิตร พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพร้อมเทคโนโลยีป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential รองรับการขับขี่ทุกเส้นทาง
มิติตัวถังของ Terra มีความยาว 4,885 มม. กว้าง 1,865 มม. และสูง 1,835 มม. ความยาวระยะฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร สูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 225 มม.



ภายนอกมีไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED พร้อมฟังก์ชั่นเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟท้าย LED เดย์ไลท์ บันไดข้าง และราวหลังคา
ไฮไลท์ในห้องโดยสารของ Terra คือฟังค์ชั่นพับเบาะ Auto Tumble Seat ช่วยพับเบาะอัตโนมัติด้วยการกดปุ่มบนแผงควบคุมบริเวณคอนโซลกลาง ซึ่งช่วยสั่งการพับเบาะแถวที่ 2 ได้โดยอัตโนมัติ เพื่อความสะดวกสบายสูงสุด แผงแดชบอร์ดมีหน้าจออัจฉริยะแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสามมิติ



ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกส่วนดูอัลโซน มีจอมอนิเตอร์ขนาด 11 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบปรับอากาศด้านหลังเป็นแบบกระจายความเย็นรอบทิศทาง 360 องศาเพื่อให้ผู้โดยสารสะดวกสบายทุกที่นั่ง
Nissan ยังชูจุดเด่นด้านเทคโนโลยี Nissan Intelligent Mobility ไว้ใน Terra ใหม่ซึ่งประกอบด้วยกระจกมองหลังอัจฉริยะ กล้องมองภาพรอบทิศทางช่วยเพิ่มความปลอดภัยเหมาะสำหรับคนรักครอบครัว มีเทคโนโลยีตรวจจับวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน ระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา เทคโนโลยีแจ้งเตือนเมื่อรถออกจากช่องจราจร ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน เทคโนโลยีตรวจสอบแรงดันลมยางล้อ



ราคาจำหน่ายของ Terra มีดังนี้
รุ่น V 2WD ราคา 1.316 ล้านบาท
รุ่น VL 2WD ราคา 1.349 ล้านบาท
รุ่น VL 4WD ราคา 1.457 ล้านบาท
ติดตามข่าวแวดวงยานยนต์ก่อนใครที่ Autostation.com