in

เปิดโผ 7 แบรนด์เคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิกที่ดีที่สุดแห่งปี 2020

น้ำยาเคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิก ถือเป็นหัวใจหลักในการเคลือบแก้วให้กับรถแต่ละคัน เพราะเป็นเคมีภัณฑ์ที่จะคอยปกป้องและอยู่กับรถของเราไปอย่างยาวนาน ซึ่งปัจจุบันมีน้ำยาเคลือบแก้ว-เซรามิกให้เลือกอย่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกราคาสูง ประหนึ่งเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์ชื่อดัง หรือจะเป็นน้ำยาเคลือบแก้วราคาถูก ที่เปรียบได้กับเครื่องสำอางลอกเลียนแบบหรือผลิตเองตามตลาดนัด ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีคุณภาพและราคาจำหน่ายแตกต่างกันออกไป ทำให้ผู้บริโภคอย่างเราตัดสินใจและสับสนในการหาข้อมูลเป็นอย่างมาก แต่บทความนี้ เราได้คัดสรรเฉพาะแบรนด์น้ำยาเคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิกที่ดีที่สุด และได้รับการยอมรับในระดับสากล ทั้งจากยุโรป, เอเชีย และสหรัฐอเมริกา มาให้คุณผู้อ่านได้เลือกใช้ ลองไปดูกันว่าทั้ง 7 แบรนด์ที่เราหาข้อมูลมา และนำมาฝากกันในครั้งนี้จะมีตัวไหนน่าสนใจบ้าง? 1. Modesta
Modesta เป็นหนึ่งในแบรนด์เคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิกชั้นนำของโลก มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันมีวางจำหน่ายทั่วโลกทั้งยุโรปและอเมริกา และเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ร้านเคลือบแก้วชั้นนำไว้วางใจเลือกใช้ โดยเฉพาะรถยนต์ระดับไฮเอนด์ทั้งหลาย ผลิตภัณฑ์เคลือบแก้วของ Modesta ที่ได้รับความนิยมมากในประเทศญี่ปุ่น และยังได้รับความร่วมมือจาก Car Detailing ชื่อดังอย่าง Paul Dalton ร่วมออกแบบน้ำยาเคลือบอีกด้วย ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นเคลือบแก้ว ที่มีความแข็งและมีโมเลกุลที่ละเอียดผ่านกรรมวิธีการพ่นลงไปบนตัวถังรถ คล้ายกับการเคลือบแล็กเกอร์โดยตรง ช่วยเพิ่มชั้นแลคเกอร์ให้หนาขึ้นราว 10 ไมครอน โดยไม่จำเป็นต้องเคลือบซ้ำหลายรอบ จึงไม่ทำให้ชั้นเคลือบแก้วหลุดร่อนในระยะยาว และมีอายุการเคลือบไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี เพราะเป็นไม่กี่ แบรนด์ที่มีชั้น Primer (ชั้นรองพื้น) ที่ช่วยในการยึดเกาะให้ดียิ่งขึ้น ระหว่างชั้นแลคเกอร์ และเคลือบแก้วนั่นเองทั้งนี้ น้ำยาเคลือบแก้วแบบพ่นของ Modesta ถูกผลิตขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานที่สามารถผลิตน้ำยาชนิดนี้ได้เพียง 2 โรงงานเท่านั้น ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ Modesta จึงเป็นที่นิยมทั้งในญี่ปุ่น และทั่วโลกนั่นเอง 2. Opti-Coat
Opti-Coat เป็นน้ำยาเคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิกจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน และเป็นหนึ่งในแบรนด์ยอดนิยมในในระดับโลกอย่าง USA ยุโรป, รัสเซีย, ออสเตรเลีย และอีกมากมายหลายประเทศ หรือแม้แต่ประเทศไทยเองก็เช่นกัน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่การใช้สารเคลือบเซรามิกแท้ (Real Ceramic Coating) ซึ่งมีสารตั้งต้นที่เรียกว่า ซิลิกอนคาร์ไบด์ (SiC) ซึ่งเป็นสารที่มีความแข็งสูง ทนต่อความร้อนสูงและการกัดกร่อนได้ดีและจำเป็นต้องผ่านวิธีการผลิตเฉพาะทางเท่านั้นจึงจะกลายมาเป็นน้ำยาเคลือบเซรามิก จุดเด่นของแบรนด์นี้ คงหนีไม่พ้นรูปลักษณ์ที่เป็นหลอดฉีดยา และผู้ก่อตั้งและคิดค้นสูตร อย่าง Dr.David Ghodoussi ที่จบด็อกเตอร์ด้านเคมีโพลิเมอยานยนต์โดยตรงจาก USA และยังเคยทำงานด้าน R&D ด้านแลคเกอร์โดยตรงในบริษัทสีรถยนต์อย่าง Dupont USA อีกด้วย จึงทำให้แบรนด์ Opti-Coat ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในระดับ Home-use ไปจนถึง Car Detailing ใน USA และทั่วโลก จะเห็นได้จากรีวิวในอินเตอร์เน็ตที่พบเห็นได้จำนวนมาก และมีให้อ่านหลากหลายภาษา น้ำยาเคลือบเซรามิกของ Opti-Coat มีจุดเด่นที่เป็น SiC ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างจาก SiO2 ที่ใช้ในน้ำยาเคลือบแก้วทั่วไปอย่างมาก ทั้งความแข็งและการปกป้องเคมีต่างๆ รวมถึงมีชั้น Primer (ชั้นรองพื้น) จะช่วยสร้างชั้นยึดเกาะถาวร (Permanent) ระหว่างชั้นแลคเกอร์และเซรามิก จึงทำให้มีคุณสมบัติการยึดเกาะได้สูงสุดถึง 7-10 ปี อีกทั้งยังมีคุณสมบัติลดการเกาะตัวของคราบน้ำ Superhydrophobic ทำให้ตัวรถ “เปื้อนยาก ล้างง่าย” ตลอดอายุการใช้งาน
นอกจากนี้ น้ำยาเคลือบแก้ว-เซรามิกของ Opti-Coat ที่ใช้ซิลิกอนคาร์ไบด์มาเป็นองค์ประกอบหลักในการเคลือบผิวรถยนต์นั้น สามารถทนความร้อนได้ถึง 1,200 – 1,600 องศาเซลเซียส และยังมีอายุการใช้งานมากกว่าเซรามิกชนิดอื่นถึง 5 เท่าอีกด้วย และยังมีอีกหนึ่งคุณสมบัติเด่นที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น นั่นคือ การซ่อมแซมตัวเอง (Self Healing)หากเกิดรอยขึ้นบนชั้นเคลือบ ก็แค่เพียงนำน้ำร้อนราดไปยังบริเวณที่เป็นรอย หรือการจอดรถทิ้งไว้กลางแดด รอยเหล่านั้นก็จะหายไปเองอย่างมหัศจรรย์ ช่วยลดรอยขีดข่วนและเคมีที่กัดกร่อนในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้นอย่างมาก และอีกข้อแตกต่างของ Opti-Coat มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลายระดับตามความต้องการไม่ว่าจะเป็น เคลือบแก้ว หรือเคลือบเซรามิกที่ได้รับความนิยมอย่างมากอย่าง Opti-Coat Pro หรือ Opti-Coat Pro Plus ซึ่งน้ำยาแต่ละตัวก็จะให้อายุการปกป้อง และอายุรับประกันที่ต่างกันอย่างชัดเจนนั่นเอง ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้ Opti-Coat ได้รับความนิยมสูงสุดใน USA และอีกหลายๆประเทศทั่วโลก ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมรายละเอียดและสาขาที่สามารถเข้ารับบริการได้ที่ Website:http://opticoatthailand.com/Facebook:https://www.facebook.com/OptiCoatThailand/ 3. Ceramic Pro
Ceramic Pro เป็นอีกหนึ่งแบรนด์เคลือบแก้ว-เซรามิคชั้นนำของโลก และได้รับความนิยมมากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ซึ่งชูจุดเด่นด้วยเทคโนโลยีนาโนเซรามิค ซึ่งมีความแข็งสูงสุดในระดับ 9H ที่นอกจากจะช่วยปกป้องสีรถจากรอยขีดข่วนตามปกติแล้ว ยังมีคุณสมบัติการป้องกันรังสียูวี, เพิ่มความเงางาม ป้องกันการยึดเกาะของหยดน้ำแบบ Superhydrophobic ซึ่งทำให้การเกาะของสิ่งสกปรกน้อยมาก โดย Ceramic Pro เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างสูง เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์เคลือบเฉพาะทางมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเบาะหนัง, กระจก และล้อ ทำให้มีการปกป้องได้ทั่วทั้งคัน นอกจากนี้ Ceramic Pro ยังเป็นแบรนด์ที่มักได้รับความไว้วางใจจาก Car Detaling ระดับโลก จนได้รับเชิญไปจัดแสดงในงาน SEMA Show เป็นประจำอย่างต่อเนื่องทุกปีCeramic Pro ยังมีฟิล์มใสสำหรับหุ้มตัวถังรถที่ผ่านการเคลือบเซรามิคมาแล้ว เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องชั้นเคลือบ รวมถึงยังช่วยลดโอกาสเกิดรอยจากการเฉี่ยวชน หรือหินดีด นอกเหนือจากการเคลือบเซรามิคตามปกติ 4. Gyeon
เรามักได้ยินชื่อเสียงของแบรนด์เคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิกจากฝั่งญี่ปุ่น, ยุโรปและอเมริกาเป็นส่วนมาก แต่แบรนด์จากเกาหลีอย่าง Gyeon Quartz (อ่านว่า จียอน ควอตซ์) ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและคุณภาพระดับโลก โดยมีผลิตภัณฑ์เคลือบแก้วเซรามิกให้เลือกถึง 4 ตัวขึ้นกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์เด่นของ Gyeon เรียกว่า Q2 ซึ่งมีให้เลือกอย่างหลากหลาย ซึ่งนอกจากจะมีจุดเด่นอยู่ที่ความเงางามแล้ว ยังมีคุณสมบัติในด้านการป้องกันการยึดเกาะของน้ำและโคลนสูงเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับการนำไปเคลือบด้วยตัวเองได้อีกด้วย นอกจากผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเคลือบแก้ว-เซรามิกแล้ว Gyeon ยังมีผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ที่ครอบคลุมกว่าแบรนด์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำยาดูแลหนัง, น้ำยาเคลือบชิ้นส่วนภายในห้องโดยสาร, โฟมล้างรถสำหรับรถเคลือบแก้ว, น้ำยาเคลือบล้อและยาง เป็นต้น 5. Gtechniq
Gtechniq เป็นแบรนด์จากประเทศอังกฤษที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2004 และยังการันตีผลงานด้วยการเป็นผู้สนับสนุนหลักให้กับทีมแข่ง SportPesa Racing Point Formula One ตั้งแต่ปี 2014 มาจนถึงปัจจุบันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเคลือบเซรามิกเพื่อป้องกันพื้นผิวของตัวรถที่ใช้ลงแข่ง เพื่อช่วยลดแรงเสียดทานอากาศให้ได้มากที่สุด น้ำยาที่เป็นไฮไลท์เด่นของแบรนด์ Gtechnic เรียกว่า Crystal Serum Ultra ซึ่งชูจุดเด่นในเรื่องความแข็งระดับ 10H ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการเคลือบซ้ำตลอดอายุการใช้งาน รวมถึงคุณสมบัติการลดการยึดเกาะของหยดน้ำและนอกจากผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเคลือบแก้วเซรามิกแล้ว Gtechnic ยังมีผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์อื่นๆ ทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับเรือ, เครื่องบิน และดูแลรักษาภายในบ้านอีกด้วย จึงถือว่าเป็นแบรนด์ที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างมาก 6. Kamikaze Collection
ใครหลายคนได้ยินชื่อก็น่าจะเดาออกว่าเป็นแบรนด์มาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแบรนด์ Kamikaze Collection จัดว่าเป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก มีจุดเด่นอยู่ที่การใช้สารเคลือบซิลิก้าบริสุทธิ์สูงถึง 96 เปอร์เซ็นต์ ช่วยลดการเกิดริ้วรอยบนผิวสี และช่วยให้น้ำไม่เกาะตัวรถ นอกจากนี้ สารเคลือบซิลิก้าของ Kamikaze Collection ยังมีคุณสมบัติ Self Cleaning ที่สามารถทำความสะอาดตัวเองได้เอง รวมถึงมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ครอบคลุมการบำรุงรักษารถยนต์ เช่น กระจก, โครเมียม, วัสดุหนัง, ล้อและยาง เป็นต้น ทั้งนี้ Kamikaze Collection มีศูนย์บริการในกว่า 30 ประเทศทั่วโลก รวมถึงในทวีปยุโรปที่มีมากกว่า 300 แห่ง โดยมีเจ้าของซูเปอร์คาร์, รถคลาสสิก และรถหายากทั้งหลายให้ความนิยมเลือกใช้ 7. CarPro
CarPro เป็นแบรนด์ที่มีความโดดเด่นในด้านเทคโนโลยีนาโนเซรามิค เน้นจับกลุ่มรถสมรรถนะสูงที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์แบบที่สามารถเคลือบได้เองที่บ้าน ซึ่ง CarPro เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุโรป และขึ้นชื่อด้านความใช้ง่ายแต่ให้ผลลัพธ์ที่ดี ผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์เด่นของ CarPro เรียกว่า Cquartz ซึ่งมีส่วนผสมที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยควอตซ์บริสุทธิ์ 99.9% อยู่ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งให้ความแข็งของชั้นเคลือบเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติตามธรรมขาติในการลดการยึดเกาะของน้ำแตกต่างจากเซรามิคทั่วไป ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ล้วนแต่เป็นแบรนด์เคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิกระดับท็อปของโลก ที่ทาง Autostation นำมาฝากให้คุณผู้อ่านได้ลองพิจารณากัน
จะเห็นได้ว่าน้ำยา น้ำยาเคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิคแต่ละยี่ห้อจะมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองในระดับสากล ทั้งนี้ การที่เราเลือกผลิตภัณฑ์ใดยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งมาใช้กับรถของเรา ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละคน เปรียบเสมือนการเลือกซื้อครีมกันแดด ซึ่งทุกยี่ห้อล้วนแต่โฆษณาว่าสามารถใช้กันแดดได้เป็นอย่างดี มีให้เลือกตั้งแต่ราคา 300 บาทตามตลาดนัด หรือขยับขึ้นไปหลัก 3,000 บาทตามร้านขายยา แม้กระทั่งระดับหลักหมื่นบาทจากเคาน์เตอร์แบรนด์ในห้างสรรพสินค้า ทั้งหมดล้วนแต่ขึ้นอยู่กับต้นทุนของเคมีภัณฑ์และความน่าเชื่อถือของแต่ละยี่ห้อนั่นเอง ดังนั้น การเคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิก จึงมีผู้ใช้บริการได้ประสบการณ์อย่างหลากหลาย ทั้งประทับใจมาก ไปจนถึงไม่รู้สึกแตกต่างกับการเคลือบสีที่ทำได้เอง ทั้งนี้ หากเราจะใช้บริการก็จำเป็นต้องเลือกทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและผู้ให้บริการที่มีความรู้ความสามารถจึงจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นอกจากนั้น การเคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิก ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่คุณควรพิจารณาก่อนเข้ารับบริการ และต้องเลือกยี่ห้อของผลิตภัณฑ์แต่ละยี่ห้อให้ดีเพื่อให้เป็นการถนอมสีดั้งเดิมของตัวรถอย่างแท้จริง ซึ่งเราขอแนะนำคุณผู้อ่านได้ดังนี้ ข้อดีของการเคลือบแก้วเคลือบเซรามิค 1. ช่วยให้รอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานแต่ละวันลดน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นรอยจากกิ่งไม้, เม็ดทราย, หินขนาดเล็ก และสิ่งสกปรกต่างๆ และยังช่วยป้องกันการเกาะของคราบสกปรกได้ดีกว่าผิวแลกเกอร์ปกติที่ไม่ได้เคลือบแก้ว 2. เปื้อนยาก ล้างง่าย เนื่องจากคุณสมบัติช่วยลดการยึดเกาะของน้ำ ทำให้สิ่งสกปรกยึดเกาะพื้นผิวตัวรถได้น้อยกว่า สามารถใช้น้ำเปล่าล้างรถได้โดยไม่ต้องลงแชมพู และยังช่วยให้เช็ดแห้งได้ง่ายขึ้นด้วย 3. ให้ความสวยงามเหมือนใหม่ตลอดเวลา ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยให้รถเงางามเป็นพิเศษและการยึดเกาะที่ยาวนาน จึงทำให้รถดูเหมือนใหม่อยู่เสมอแม้ว่าจะเป็นรถเก่าก็ตาม อีกทั้งการเคลือบแก้วไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นรถใหม่เสมอไป รถเก่าก็สามารถเข้ารับบริการได้เช่นกัน 4. อายุการใช้งานยาวนาน โดยส่วนมากการเคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิกแท้ จะมีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3-7 ปี เจ้าของรถจึงไม่ต้องลงเคลือบเงาทุกครั้งหลังล้างรถเหมือนกับน้ำยาแว๊กซ์ทั่วไป ช่วยลดขั้นตอนการบำรุงรักษา และไม่ทำให้สีรถหมองเหลือง
ข้อเสียของการเคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิค 1. ค่าใช้จ่ายสูง การเคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิก “แท้” ยังคงมีราคาสูงในปัจจุบัน โดยเฉพาะยี่ห้อที่มีคุณภาพในระดับสากล ขณะที่ปัจจุบันมีน้ำยาเคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิกราคาถูกออกวางจำหน่ายเป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งคุณภาพและอายุการใช้งานมักค่อนข้างต่ำ หรืออวดอ้างสรรพคุณเกินจริง 2. การเคลือบทำได้ยาก การเคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิคแท้ๆ ต้องอาศัยขั้นตอนและเครื่องมือที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ขัดสี อุปกรณ์เคลือบ ห้องคุมอุณหภฺมิ หรือแม้แต่ห้อง อบอินฟาเรด ที่ช่วยให้การเซ็ตตัวของน้ำยาดียิ่งขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่คุณไม่ควรซื้อน้ำยามาทำเองที่บ้าน อีกทั้งยังต้องเตรียมพื้นผิวให้เหมาะสมก่อนการเคลือบแก้ว เพื่อผิวมีความสวยงามที่สุดก่อนเคลือบ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาฝุ่นและสารตกค้าง และสิ่งสกปรกที่อาจฝังอยู่ในชั้นเคลือบ จนทำให้เกิดปัญหาชั้นเคลือบไม่เรียบ และอาจส่งผลต่อชั้นสีจริงของตัวรถได้ รู้แบบนี้แล้วก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์เคลือบแก้วที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถดูแลรักษาสีรถได้อย่างมีคุณภาพและผลลัพธ์แท้จริงต่อการปกป้องรถที่คุณรักกันนะครับ